Influencer Marketing คือหนึ่งในการตลาดรูปแบบหนึ่ง โดยใช้ผู้มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์มาโปรโมทสินค้าหรือบริการเพื่อโน้มน้าวใจผู้บริโภคให้ตัดสินใจมาซื้อสินค้าหรือบริการของเรานั่นเอง ซึ่งยังเป็นที่นิยมและเป็นที่สนใจต่อนักการตลาดหน้าใหม่ในปัจจุบันอย่างมาก
แต่หากผู้ที่ไม่เคยทำการตลาดรูปแบบนี้มาก่อนเลยก็จะมีข้อสงสัยว่า เรานั้นควรเริ่มจากตรงไหนดีนะ ควรทำอะไรบ้างและมันมีจุดไหนที่ควรระวังเพื่อให้การตลาดรูปแบบนี้นั้นประสบความสำเร็จได้มากที่สุด
โดยวันนี้ไทโกะจะมาบอกถึงวิธีการทำการตลาดรูปแบบนี้ตั้งแต่เริ่มยันจบแคมเปญเพื่อให้นักการตลาดทุกคนสามารถที่จะทำการตลาดนี้ได้ด้วยตัวเองโดยจะมีอะไรบ้างไปเริ่มกันเลยครับ
1. วางแผนการตลาด วางงบประมาณ สร้างหัวข้อแคมเปญและตั้งกลุ่มเป้าหมาย
ก่อนจะเริ่มทำอะไรก็แล้วแต่ เราควรที่จะวางแผนมาก่อนอยู่เสมอเพื่อให้การทำงานนั้นผ่านไปได้ด้วยดีตามแบบแผนที่วางไว้ สิ่งนี้เป็นข้อเบสิก
2. สร้างบรีฟให้ชัดเจนสำหรับเอาไปส่งให้นักรีวิว
หลังจากที่ได้วางแผนทุกอย่างแล้ว ขั้นต่อไปก็คือการสร้างบรีฟให้ชัดเจนให้เคลียร์ อยากให้งานออกมารูปแบบไหน ต้องการอะไรบ้างในงานนี้ มีธีมงานหรือไม่ เป็นต้น เพราะถ้าหากคุณนั้นมีบรีฟที่ไม่ชัดเจน นักรีวิวไม่เข้าใจ และต้องการเปลี่ยนบรีฟในภายหลังนั้นอาจจะส่งผลเสียต่อตัวนักรีวิวเอง และตัวแคมเปญของคุณเองอีกด้วย ตรงนี้ต้องระวังนะครับ
#ข้อแนะนำ
หากคุณคิดว่าจุดไหนตรงบรีฟเป็นข้อสำคัญควรที่จะทำเครื่องหมายหรือเปลี่ยนสีตัวอักษรก่อนส่งให้นักรีวิวเพื่อความชัดเจนและเน้นย้ำ 3. ค้นหานักรีวิว / Influencer ที่เหมาะสม ความเหมาะสมในที่ว่านี้คือไม่ใช่มองแค่ยอดผู้ติดตามของตัวนักรีวิวเอง ควรที่จะมองถึงภาพลักษณ์ ไลฟสไตล์ของตัวนักรีวิวว่ามันตรงกับสินค้าหรือบริการของเราหรือไม่ เพราะการตลาดรูปแบบนี้เน้นความน่าเชื่อถือ การโน้มน้าวใจผู้บริโภคให้เกิดการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของคุณนั่นเองครับ #ข้อแนะนำ
สิ่งหนึ่งที่ทำคัญอย่างมากเลยก็คือ “Engagement Ratio” หรืออัตราการมีส่วนร่วมกับตัวโพสต์ เช่น การคอมเมนต์ การคลิกลิงก์หรือการแชร์ตัวโพสต์ของนักรีวิวเอง ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายมากกว่านักการตลาดควรที่จะโฟกัสตรงนี้ด้วยนะครับ โดยค่า Engagement Ratio สามารถเช็คได้ง่ายๆ ที่ www.taiko.ai/discover ได้เลยนะครับแค่พิมชื่อ Account Influencer
ใน 1 แคมเปญอาจมีนักรีวิวที่เบี้ยวงานหรือยกเลิกงานกระทันหันได้ เพราะฉะนั้นนักการตลาดควรที่จะหาตัวสำรองเอาไว้เผื่อในกรณีฉุกเฉินแบบนี้นะครับ เพื่อให้แคมเปญนั้นดำเนินต่อไปได้ด้วยความลื่นไหลมากที่สุด
การที่จะจ้างนักรีวิวในราคาที่ถูกกว่านั้นคือการสร้าง Relationship ที่ดีต่อตัวนักรีวิวเองหรือง่ายๆ ก็คือการตีสนิทนักรีวิวนั่งเองครับ เป็นสิ่งง่ายๆ แต่หลายๆ แบรนด์นั้นพลาดตรงจุดนี้ไป
4. ส่งบรีฟให้กับนักรีวิว / Influencer และตรวจงานที่ให้นักรีวิวทำ
หลังจากได้นักรีวิวที่โอเคแล้ว เราก็มาถึงเวลาที่จะมอบหมายงานให้กับตัวนักรีวิวที่เรานั้นได้คัดเลือกมาส่งบรีฟ กำหนดเวลาในการส่งงาน และควรที่จะตรวจงานนักรีวิวทุกคนที่เรามอบหมายให้ดี เพราะถ้าหากงานมีข้อผิดพลาดไม่ตรงบรีฟและเรานั้นไม่ได้สั่งให้นักรีวิวแก้ไข แคมเปญอาจไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั่นเองครับ
5. บันทึกสถิติ วัดผลทางการตลาด
หลังจากได้เสร็จสิ้นทุกขั้นตอนไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่นักการตลาดจะต้องทำต่อนั่นก็คือการวัดผลว่าแคมเปญนี้คุ้มค่าหรือไม่ มีตรงไหนที่ต้องปรับปรุงในการทำการตลาดครั้งหน้านั่นเองครับ โดยความคุ้มค่านั้นก็อยู่ที่เรานั้นได้ตั้งเป้าหมายอะไรไว้ เช่น การสร้างยอดขาย การสร้างการรับรู้ หรืออะไรต่างๆ ก็ตามที่เรานั้นได้ตั้งเอาไว้นั่นเองครับ
โดยนักการตลาดสามารถใช้ระบบการวัดผลโดยรวมของแคมเปญได้เลยที่ https://www.taiko.ai/analytics โดยจะมีค่าสถิติต่างๆ เช่น Reach โดยรวม Engagement โดยรวมและบอกรวมทั้งบอกถึงว่าโพสต์ไหนของนักรีวิวที่เราจ้างนั้นได้รับความนิยมมากที่สุดครับ จบไปแล้วครับกับขั้นตอนการเริ่มทำแคมเปญรีวิวง่ายๆ ด้วยตัวเองไทโกะหวังว่านักการตลาดมือใหม่นั้นพอที่จะเห็นภาพมากขึ้นและสามารถตั้งจุดหมายของแคมเปญได้บ้างแล้วนะครับ ขอให้นักการตลาดทุกคนอย่าลืมที่จะวัดผลของแคมเปญที่ครั้งนะครับ สู้ๆ ครับทุกคน
Comments